ads

Slider[Style1]

Style2

Style3[OneLeft]

Style3[OneRight]

Style4

Style5[ImagesOnly]

Style6

สรรพคุณของชาเขียว


  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำลายอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซีถึง 100 เท่า แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินอีถึง 25 เท่า ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ลดริ้วรอยก่อนวัยชะลอความชราและคงความเยาว์วัยได้ แบบนี้สาวๆ ต้องรีบหามาดื่มกันบ้างแล้วล่ะค่ะ
  • สารแคเทชินในชาเขียวสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล และกำจัดปริมาณของคอเรสเตอรอลในลำไส้ และช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่พอดีอีกด้วย
  • สามารถเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารและไขมัน เพราะชาเขียวช่วยให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้มีประสิทธิภาพในการทำงาน ดีขึ้น จึงสามารถควบคุมน้ำหนัก จึงเหมาะกับสาวๆ ผู้คิดจะลดหุ่น
  • สร้างลมหายใจให้สดชื่น เพราะสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและทำลายจุลินทรีย์ที่เป็น สาเหตุของโรคเหงือกและฟันต่างๆ ะสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำให้ฟันผุได้ถึง 95%
  • ช่วยลดระดับ LDL คลอเรสเตอรอล และยับยั้งการก่อตัวแบบผิดปกติของก้อนเลือดซึ่งเป็นเหตุของอาการหัวใจวายและลมชัก
  • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ของกล้ามเนื้อหัวใจและขยายผนังหลอดเลือด จึงทำให้ชาเขียวเหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงด้วย

วิธีการเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างปลอดภัย


จากข่าวความไม่ปลอดภัยของแฟชั่นเครื่องสำอางอย่าง “ทินต์” สำหรับทาปากให้ดูมีสีชมพูระเรื่อ ที่สาว ๆ นิยมใช้ทาเพื่อให้ดูมีสุขภาพดีนั้น ทำให้สาว ๆ ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเลือกซื้อ และใช้เครื่องสำอางอย่างปลอดภัยมากขึ้น เพราะการซื้อเครื่องสำอางราคาถูก บางทีอาจจะไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่จะได้รับก็ได้ เข้าทำนอง “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย”

 อย่างกรณี “ทินต์” ที่อย. ออกมาเตือนสาว ๆ ให้ระวัง หากสีที่ใช้ไม่ใช่สีผสมอาหาร แต่เป็นสีไม่ได้มาตรฐาน หรือสีต้องห้ามที่มีสารปนเปื้อน เช่น สารนิเกิล โลหะหรือสารตะกั่ว ปนเปื้อนอยู่ในทินต์นั้น นับว่าเป็นภัยที่อยู่ใกล้ตัวมากทีเดียว เพราะสารต้องห้ามเหล่านี้มักใช้ในภาคอุตสาหกรรมหนัก ซึ่งถ้าหากกลืนกินเข้าไปจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง เมื่อพิษถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว หรือทำให้ริมฝีปากปากปวดแสบปวดร้อน คัน เห่อแดง บวม หรือลอกเป็นขุย ยิ่งไปกว่านั้น คือความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ซึ่งจากผลทดสอบทางห้องปฏิบัติการพบว่าสามารถก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองได้

ดังนั้น ในการที่สาว ๆ จะเลือกซื้อ หรือใช้ เครื่องสำอางให้ปลอดภัย ควรปฏิบัติดังนี้

  1. ควรเลือกซื้อเครื่องสำอางตามความเหมาะสมกับตนเอง อย่าซื้อตามคนอื่น หรือซื้อเพราะเพื่อนแนะนำ เพราะเพื่อนใช้แล้วไม่แพ้ แต่เราอาจใช้แล้วสิวเห่อเต็มหน้าก็ได้
  2. เลือกซื้อเครื่องสำอางจากร้านที่น่าเชื่อถือ ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางแบ่งบรรจุ หรือซื้อตามหาบเร่ แผงลอย เพียงเพราะสีสวย ราคาถูก เพราะอาจได้เครื่องสำอางปลอม ที่ไม่ได้มาตรฐาน
  3. เลือกซื้อเครื่องสำอางมีฉลากภาษาไทยแสดงข้อความครบถ้วน มีรายละเอียด ชื่อชนิดเครื่องสำอาง ชื่อผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า สถานที่ผลิต ครั้งที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุ วิธีใช้ ปริมาณสุทธิ ส่วนประกอบ ข้อแนะนำ คำเตือน รวมถึงมีการรับรองมาตรฐานถูกต้อง
  4. ตรวจสอบภาชนะที่บรรจุเครื่องสำอาง ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ บรรจุภัณฑ์ ไม่ฉีกขาดหรือแตก เพราะอาจมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนได้
  5. ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางครั้งละมาก ๆ เพื่อเก็บไว้ใช้นาน ๆ เพราะอาจหมดอายุเสียก่อนจะได้ใช้ และหากเครื่องสำอางหมดอายุ ให้ตัดใจทิ้งมันไปเสีย อย่าเสียดาย เพราะอาจมีสารปนเปื้อนและสารก่อมะเร็ง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  6. ถ้าเครื่องสำอางนั้นมีส่วนประกอบของน้ำหอมหรือสารกันเสีย อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ควรมีการทดลองกับผิวหนังส่วนอื่นก่อน เช่น ท้องแขน หลังใบหู ถ้าไม่มีอาการบวมแดง หรือเป็นผื่นคัน ก็หมายความว่า ใช้เครื่องสำอางนั้นได้ โดยไม่แพ้
  7. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางโดยเฉพาะลิปสติกร่วมกับคนอื่น หรือทดลองใช้ตามบูธจำหน่ายทั่วไป เพราะอาจมีการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้
  8. ไม่ควรเก็บเครื่องสำอางไว้เกิน 2 ปีและควรไว้ในที่เย็น จะทำให้เก็บได้ทนนาน เพราะอุณหภูมิบ้านเรา สูงกว่าในต่างประเทศ อาจมีการแยกชั้นของน้ำและน้ำมัน และอาจเกิดกลิ่นหืนได้ง่าย
  9. เมื่อใช้เครื่องสำอางแล้วควรสังเกตอาการแพ้ด้วย หากเกิดอาการผิดปกติ ควรหยุดใช้ทันที เพียงเท่านี้สาว ๆ ก็จะสวยสดใส ใช้เครื่องสำอางได้อย่างปลอดภัย ไม่แพ้ และยังห่างไกลโรคมะเร็งอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก th.jobsdb.com

วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ปลอดภัยที่สุด


การลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้นไม่มีทางลัดทั้งสิ้น เพราะยาที่ไม่อันตราย แต่ช่วยให้น้ำหนักลดแบบทางลัด
คือคนไข้ไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองนั้น ไม่มีอยู่จริงในโลก ไม่ว่าจะเป็น Sibu ที่ถูกถอนจาก FDA และ อย
เพราะมีเคสเสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนยาทางลัดตัวอื่นๆก็ล้วนแต่โยโย่ทั้งนั้น

ดังนั้นการลดน้ำหนักที่ถุกต้อง และควบคุมไม่ให้กลับมาอ้วนใหม่ ต้องอาศัย
ความตั้งใจจริงและการเปลี่ยนพฤติกรรมผิดๆอย่างจริงจัง จึงจะประสบความสำเร็จ ดังนี้

1.ทานอาหารให้ตรงเวลาและครบ 3 มื้อ การงดอาหาร การทานเลท การเลี่ยงไปทานสลัดแทนไม่ทำให้ผอมหรือไม่อ้วนขึ้นได้
เพราะเมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำมากๆ ร่างกายจะกระตุ้นให้หิวจัดและอยากของหวานมากๆจึงต้องทานเยอะๆ
ในมื้อถัดไปหรือตอนดีกๆหรือกลายเป็นกินขนมจุกจิกอยู่ดี
2.ทานผักเป็นประจำ ทานให้มากขึ้น และทานให้ได้ทุกมื้อ เพราะผักช่วยให้อิ่มเร็ว ลด Calories
ในมื้อนั้นลดการดูดซึมไขมัน และช่วนให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย
3.อาหารที่ Caloires สูงๆ ยังทานได้ แต่ควรทานนานๆครั้ง ไม่ควรเกิน 1-2 สัปดาห์ครั้ง เช่น ข้าวขาหมุ ข้าวมันไก่ข้าวหมุทอด
หมูกระทะ  Buffet  bakery น้ำหวาน ไอศกรีม Pizza

4.อาหารที่ดีที่สุดคือกลุ่มอาหารไทยและ ข้าวแกงของไทย
5.ควรลดปริมาณแป้งและเนื้อสัตว์ลง และแทนที่ด้วยผักชนิดต่างๆ
6.ของทุกชนิดในโลกมี Calories ทั้งสิ้น คือกินแล้วให้พลังงานทั้งหมดแม้แต่ผลไม้ทุกชนิด ยกเว้นกลุ่มผักใบ และ บุก

7.หลังทานข้าวหมด 1 จาน หากยังไม่อิ่ม ไม่ควรทานเพิ่ม หรือทานของหวาน ควรทานเป้นผลไม้เพื่อให้อิ่มแทน
ผลไม้ที่ทานแล้วไม่อ้วน มีหลักการจำอยู่สองข้อ คือ เนื้อแข็งและไม่หวานจัด เช่น แอปเปิ้ล มะม่วงดิบ ชมพู่
ฝรั่ง ซึ่งมีน้ำตาลน้อยและช่วยให้อิ่มเร็ว แป้งก็เป็นแบบที่ร่างกายนำไปใช้ไม่ได้
ส่วนกล้วยสุกกับสัปปะรดเป็นควมเชื่อผิดๆ ควรงดโดยเด็ดขาด
8.ควรงดกลุ่มน้ำหวานทุกชนิด หรือทานให้น้อยที่สุด เช่น กาแฟ ชาชงหวาน น้ำอัดลม น้ำหวาน นมเปรียว
โยเกิร์ต น้ำผลไม้ สิ่งเหล่านี้ประโยชน์น้อยมากๆ และไม่ทำให้ผอมตามโฆษณาชวนเชื่อ  อาจจะหลีกเลี่ยงไปทาน
กลุ่มน้ำดำ Calories 0% แทนและน้ำที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อที่ไม่ใช่น้ำเปล่าและกลุ่มน้ำดำCalories 0%
ถือว่าเป็นน้ำหวานทั้งสิ้น ยิ่งกินยิ่งอ้วน กินแล้วผอมแล้วสวยไม่มีในโลก

9.ควรหมั่นดูฉลากแสดง Calories อยุ่เสมอ และระวังเรื่อง Cholesterol หรือไขมัน 0% ไม่ได้แปลว่าไม่อ้วน
เพราะยังมีพลังงานจากอื่นๆเช่นแป้งและน้ำตาลอีกมาก
10.ไม่ควรทานของว่างจุกจิกหรือทานอาหารนอกมื้อ
11. ควรขยับตัวเยอะๆ บ่อยๆ ควรทำงานบ้าน ำความสะอาดห้องนอนบ่อยๆ เพื่อให้ล้างกายใช้ Calories เยอะขึ้น
โดยให้คิดว่า แค่นั่งกระดิกนิ้วก็เผาผลาญพลังงานมากกว่านั่งเฉย ๆแล้ว
12.ถ้าจะออกกำลังกายควร ออกแบบเบิร์นไขมัน คือ เหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว และติดต่อกันนานกว่า 35 นาทีขึ้นไปเท่านั้น

13.ควรเข้าใจเรื่อง Calories balanced คนที่อ้วนขึ้น คือคนที่รับ Calories เข้ามากกว่าใช้ออกเสมอ
ดังนั้นถึงแม้ทานข้าวแค่วันละหนึ่งจาน หากนอนทั้งวันไม่ขยับตัวไปไหนเลย ก็ยังจะคงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอยู่ดี
14.สถาบันลดความอ้วนทั้งหลายที่โฆษณากันเกร่อ ล้วนแต่หลอกลวงทั้งสิ้น รวมถึงอาหารและผลิตภัณฑ์
อาหารเสริมลดความอ้วนทั้งหลายด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก
เศรณีคลินิก โดยบริษัทบีซีไบโอแคร์
นพ. จักกฤษณ์ อัครเศรณี

แต่งหน้าใสๆ สไตล์ธรรมชาติ…ลุคนี้สวยฟรุ้งฟริ้งจ้า

       
       อีกหนึ่งเทรนด์แฟชั่นแต่งหน้างามๆ ให้คุณได้เปลี่ยนลุกสไตล์เป็นสาวใสๆ ด้วยใบหน้าที่แสนจะดูธรรมชาติแบบสาวเกาหลีที่หลายๆ คนกำลังมองหาวิธีแต่งหน้าแบบใสๆ กันอยู่จ๊ะ พร้อมกันแล้วรึยังค่ะกับการเรียนการสอนวิธีแต่งหน้าแสนธรรมชาติที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ พร้อมกันแล้วมาเปิดคลิปวีดีโอการเรียนการสอนกันเลยจ้า รับรองว่าหน้าคุณจะใสกริ้งแบบสวยฟรุ้งฟริ้งกันเลยทีเดียวจ้า
       อีกหนึ่งเทรนด์แต่งหน้าที่เรานั้นพาความเป็นธรรมชาติให้คุณผู้หญิงทั้งหลายได้ลองดูกันบ้างจ้า เชื่อเลยค่ะว่ามีคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยกันเลยทีเดียวค่ะที่เบื่อกับการแต่งหน้าแบบจัดๆ จี๊ดๆ และอยากเปลี่ยนตัวเองมาแต่งหน้าแบบใสๆ สไตล์ธรรมชาติที่เน้นความเป็นตัวของตัวเองกันมากยิ่งขึ้นไปอีกที่สำคัญการแต่งหน้าแบบธรรมชาติสไตล์ใสๆ นี้ยังประหยัดเวลามากกว่าลุกเปรี้ยวจี๊ดหรือการแต่งหน้าแบบสโมคกี้อายอีกด้วยละค่ะ แต่ถ้าใครชอบความจี๊ดๆ แรงๆ กันอยู่ก็ไม่ว่ากันจ้า แต่สำหรับเมนูการแต่งหน้าในวันนี้ขอนำเสนอความเป็นสาวแสนธรรมชาติซึ่งที่ประเทศเกาหลีนั้นได้รับความนิยมอย่างมากเลยละค่ะ และเทรนด์แฟชั่นแต่งหน้านี้ก็กำลังมาแรงในประเทศเช่นเดียวกันจ้า
       ไม่ใช่ว่าเทรนด์แต่งหน้าแรงๆ จี๊ดๆ จะไม่สวยนะค่ะ แต่บอกเลยว่าสวยมากยิ่งคุณผู้หญิงทั้งหลายได้ไปออกงานด้วยแล้วก็จะยิ่งดูโดดเด่นมากๆ เลยละค่ะ แต่เนื่องจากว่ามีคุณผู้หญิงหลายๆ ท่านรีเควสการแต่งหน้าแบบธรรมชาติกันมาทางเราจึงจัดให้จ้า และก็บอกเลยว่ากระแสความเป็นธรรมชาติและลุคใสๆ กับกำลังมาแรงฉะนั้นแล้วเราจัดไปจ้า แน่นอนค่ะว่าคุณผู้หญิงทั้งหลายนั้นจะได้ทั้งเทคนิคการแต่งหน้าและการเรียนขั้นตอนการแต่งหน้าอย่างละเอียดกันอีกเช่นเคย ถ้าพร้อมจะเปลี่ยนลุคให้เป็นสาวสวยลุกธรรมชาติแบบใสๆ สไตล์ฟรุ้งฟริ้งกันแล้วก็มาเปิดคลิปวีดีโอนี้ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าจ้า

ขอบคุณข้อมูลจาก gigail.com

สไตล์ทรงผมเกาหลี 2015

            เทรนด์แฟชั่นปี 2015 ก็ใกล้กันเข้ามาทุกทีกันแล้วนะค่ะ แต่ยังคงพอมีเวลามากพอให้คุณผู้หญิงทั้งหลายได้เตรียมตัวอินเทรนด์กันก่อนใครอย่างต่อเนื่องกันแน่นอนที่นี่ค่ะ และเราก็แว่วมาแล้วว่าเทรนด์แบบทรงผมปี 2015 นั้นจะเป็นเช่นไร วันนี้เราจึงของหยิบตัวอย่างแบบทรงผมเกาหลีปี 2015 มาสักหนึ่งแบบทรงผมให้คุณผู้หญิงได้อินเทรนด์กันก่อนใครอีกด้วยละค่ะ ห้ามพลาดกันเลยนะค่ะ
            เทรนด์แฟชั่นแบบทรงผมเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่คู่กับผู้หญิงอย่างเราๆ มากๆ เลยละค่ะ เพราะคุณเชื่อไหมค่ะว่าการทำแบบทรงผมแบบใหม่ๆ ในทุกๆ วัน จะทำให้คุณกลายเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าไม่จำเจกันเลยละค่ะ ความอัศจรรย์ของแบบทรงผมสามารถเนรมิตรให้คุณเป็นนางฟ้าและเป็นสาวซาตานได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นค่ะ ฉะนั้นแล้วถ้าไม่อยากให้ตัวคุณเองดูเป็นยายเพิ้งจนหลายๆ คนยี้แล้วละก็ต้องหันมาดูแลเรื่องผมเพล้ากันบ้างแล้วละค่ะ แล้วคุณจะพบกับความอัศจรรย์นี้แบบชนิดที่เรียกว่าเรียกความมั่นใจกลับมาได้หมดดแถมยังจะช่วยให้คุณกลายเป็นสาวมั่นมากยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ และวันนี้ก็ไม่พลาดที่จะหยิบแบบทรงผมสำหรับปีหน้ามาฝากให้คุณผู้หญิงทั้งหลายได้อินเทรนด์กันก่อนใครเพื่อนกับเทรนด์แฟชั่นแบบทรงผมเกาหลี 2015 กันอีกด้วยค่ะ ว่าแล้วมาดูกันเลยว่าจะเป็นแบบไหนกันหนอ

         เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะกันเทรนด์แฟชั่นแบบทรงผมเกาหลี 2015 ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจคุณผู้หญิงที่พร้อมจะอัพเดทเทรนด์แฟชั่นกันก่อนใครกันเลยรึเปล่าเอ่ย แน่นอนนะค่ะว่าเทรดน์แฟชั่นแบบทรงผมในปี 2015 จะยังไม่จบลงแต่เพียงแค่ 1 แบบทรงผมเท่านั้นค่ะ แต่เรายังจะมีมาให้คุณผู้หญิงแห่ง gigail fashion ได้อัพเดทเทรนด์กันอย่างต่อเนื่องแน่นอนค่ะ วันนี้เจอเทรนด์แฟชั่นแบบทรงผมสั้น 2015 กันไปแล้ว ติดตามกันต่อไม่ว่าจะเป็นแบบทรงผมยาว แบบทรงผมประบ่า หรือเทรนด์แฟชั่นแบบทรงผมญี่ปุ่นปี 2015 ก็พร้อมแล้วที่จะให้คุณผูหญิงได้อินเทรนด์กันก่อนใครที่นี่เท่านั้นค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก gigail.com

ขัดหน้าด้วยรำข้าว

การขัดหน้าเป็นประจำสม่ำเสมอจะช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูผุดผ่องเกลี้ยงเกลา นวลเนียนละมุนละไม และถ้าใช้สูตรขัดหน้าด้วยรำข้าวนี้เป็นประจำ จุดด่างดำและไฝฝ้าต่างๆ จะพลอยถูกขจัดไปด้วย แต่ถ้าผิวหน้ามีบาดแผลใดๆ ก็ควรงดใช้สูตรนี้ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ หรือปวดแสบได้ สำหรับใบหน้าที่ปกติ ควรขัดหน้าด้วยรำข้าวทุกๆ 7 วันจะได้ผลทันตาทันใจ

  เครื่องประทินโฉม

  1. รำข้าวละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ

สูตรถนอมผิวด้วยน้ำมันดอกทานตะวัน

        สูตรนี้เหมาะกับการถนอมผิวพรรณของคุณ ทั้งในส่วนของใบหน้าและช่วงแขนอันเรียวงาม หรือจะบำรุงผิวของเรียวขาให้ผุดผ่องก็ได้เช่นกัน ผิวพรรณที่ค่อนข้างแห้ง หรือหยาบกร้าน จะดูสดชื่น ชุ่มชื้นมีน้ำมีนวลอย่างคนสุขภาพดี ผิวจะนุ่มนวลดูละเอียดเนียนและเปล่งปลั่ง บำรุงทุกๆ 10 วันสม่ำเสมอก็กำลังดี

เครื่องประทินโฉม
1.    น้ำมันดอกทานตะวัน 5 ช้อนโต๊ะ
2.    น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
 อุปกรณ์เพิ่มเติม
1.ขวดโลชั่นที่ใช้หมดแล้วใบเล็กๆ หรือภาชนะใดก็ได้ที่มีฝาปิด
2.ช้อนชา

ขั้นตอนปฏิบัติ
1.    นำน้ำมันดอกทานตะวันมาผสมกับน้ำมะนาว แล้วใช้ช้อน คนๆ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
2.    นำน้ำมันที่ผสมแล้วบรรจุลงในขวดโลชั่นที่หมดแล้ว หรือภาชนะใดๆก็ได้แล้วปิดฝาให้สนิท
3.    จากนั้นนำน้ำมันดอกทานตะวันแช่ไว้ในตู้เย็น จนกว่าจะนำออกมาใช้
4.    ถ้าต้องการบำรุ่งผิวพรรณ เช่น เรียวแขน มือและเรียวขาให้นำน้ำมันดอกทานตะวันออกจากตู้เย็นมาเขย่าขวดแรงๆ
5.    ใช้น้ำมันดอกทานตะวันนี้ทาให้ทั่วเรียวแขน ฝ่ามือ และเรียวขา จากนั้นคุณสามารถออกจากบ้าน หรือทำภารกิจใดๆ ได้ โดยไม่ต้องล้างออก
6.    ถ้าต้องการทำเก็บไว้มากๆ ก็ให้เพิ่มปริมาณน้ำมันดอกทานตะวัน เช่น ใช้น้ำมันดอกทานตะวัน 20 ช้อนโต๊ะ กับสัดส่วนของน้ำมะนาว 5-6 ช้อนโต๊ะ